Nikon D5300 นิยามใหม่ของ DSLR จาก nikon

Nikon D5300

     Nikon ประกาศเปิดตัวกล้อง DSLR ตัวใหม่ D5300 อย่างเป็นทางการ เป็นเวลาเกือบ 1 ปีหลังจากเปิดตัวกล้องรุ่นก่อนอย่าง D5200 โดย หลังจากที่ปล่อยให้ค่ายอื่น ๆ ยัด GPS WIFI ลงไปใน กล้อง DSLR มานาน วันนี้ Nikon ถึงเวลาที่จะยัด ฟีเจอร์ดังกล่าวลงไปใน DSLR ของตน นับว่าเป็นก้าวใหม่ของ nikong เลยทีเดียว


      Nikon D5300 Features
  • เซนเซอร์ APS-C CMOS ความละเอียด 24.1 ล้านพิกเซล ไม่มี OLPF
  • ชิพประมวลผลรุ่นใหม่ Expeed 4
  • ISO 100-12800(ขยายได้ถึง 25600)
  • ถ่ายภาพต่อเนื่อง 5 fps
  • จุดโฟกัส 39 จุดเป็น cross-type 9 จุด
  • เซนเซอร์วัดแสง 2,016 พิกเซล
  • จอแสดงผลแบบปรับหมุนได้(Vari-angle)ขนาด 3.2" ความละเอียด 1,037,000 พิกเซล
  • ถ่าย Video Full HD 1080p60 และมี Stereo Microphone ในตัว
  • มี Wi-Fi, GPS ในตัว
  • ชุดคิท Nikon D5300+AF-S DX NIKKOR 18-140mm f/3.5-5.6G ED VR ราคา $1,399.95 หรือราวๆ 44,000-45,000 บาท
  • มี 3 สีให้เลือกคือ สีดำ สีเทา และสีแดง
*OLPF คือ Optical low pass filter

vdo review nikon D5300 นับเป็นกล้องที่น่าใช้ทีเดียว




      เมื่อเรามอง Nikon D5300 จากภายนอกใครที่คุ้นเคยกับ Nikon อยู่แล้วคงจะเห็นว่า Design มันเปลี่ยนไปนิดหน่อย(นิ๊ดจริงๆ) เสริมเส้นตรงนู้น เสริมปูดๆนูนๆตรงนี้ แต่ก็ยังคงออกแบบให้มีขนาดเล็กพกพาสะดวกเหมือนเดิมแน่นอนว่ารุ่นใหม่ทั้งที คงไม่ได้แตกต่างกันแค่ภายนอก ขนาดเล็กลงนิดหน่อย

 

จุดต่างระหว่าง D5300 และ D5200 หลักๆมีดังนี้

  • เซนเซอร์ ยังคงมีประชากรพิกเซลอาศัยอยู่ 24 ล้านตัวเช่นเคย**แต่ที่แตกตางคือ D5300 มีการถอด OLPF ออกด้วย (ทำให้ภาพคมขึ้น เหมือนใน D7100)
  • ชิพประมวลผลรุ่นใหม่ที่เพิ่งจะมีใช้ใน D5300 เป็นตัวแรก Expeed 4
  • ISO D5300 มีช่วงความไวแสงให้เราเลือกใช้กว้างกว่าคือ 100-12800 ในขณะที่ D5200 จะมีแค่ 100-6400 แต่ทั้งคู่สามารถขยายได้สูงสุดที่ 25600 เหมือนกัน(แต่ยังไง 6400, 12800 ก็เละอยู่ดี ฮ่า ฮ่า)
  • Display Nikon D5300 มีหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 3.2" จากเดิม 3.0"(D5200) และความละเอียดเพิ่มขึ้นเป็น 1,037,000 พิกเซลจากเดิม 921,000 พิกเซล(D5200)
  • Movie ความสามารถด้าน Video เพิ่มมากขึ้น D5300 ถ่ายที่ 1920 x 1080 60p/50p/30p/25p/24p, ส่วน D5200 ถ่ายที่ 1920 x 1080 60i/50i
  • Wi-Fi, GPS D5300 มี Wi-Fi และ GPS ในตัว ในขณะที่ D5200 ไม่มีทั้งสองอย่างจำเป็นจะต้องต่ออุปกรณ์เสริม
  • น้ำหนัก D5300 มีน้ำหนักที่เบาลงครับเหลือ 408 กรัมจากเดิมที่รุ่นพี่มันหนักกว่าถึง 505 กรัม
**คิดว่าน่าจะเป็นคนละตัวกันหรืออาจมีการพัฒนาเพิ่มเติมถ้าอ้างอิงจาก Nikon.com ระบุว่า D5300 ใช้เซนเซอร์ 24.78 ล้านพิกเซล(Effective 24.2) ส่วน D5200 ใช้เซนเซอร์ 24.71 ล้านพิกเซล(Effective 24.1)

สรุปจุดเด่นของ D5300

นิคอน D5300 มาพร้อม Wi-Fi® และ GPS ในตัว 
ช่วยให้การแบ่งปันภาพถ่ายคุณภาพสูงสะดวกขึ้น 
ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล 
เซ็นเซอร์รับภาพ Nikon DX-format CMOS แบบไม่มี low-pass filter 
ระบบประมวลผลภาพใหม่ล่าสุด EXPEED 4 
หน้าจอ LCD แบบหมุนได้ สะดวกในการถ่ายภาพ­จากทุกมุม 
บันทึกวิดีโอแบบ 1920 × 1080/60p


ลองดูการเปรียบเทียบสเปค  D5300 vs Nikon D7000
http://snapsort.com/compare/Nikon-D5300-vs-Nikon_D7000
จะเห็นว่า  D7000 ได้คะแนนรวมเยอะกว่า
ในส่วนของ การ control ช่องมองภาพ การถ่ายภาพต่อเนื่อง
แต่ในส่วนของคูรภาพภาพถ่ายนั้น D5300 คะแนนนำ
ดังนั้น เราก็ควรเลือกว่าเรา ชอบ
ชอบคอนโทรลกล้องไหม ถ้าชอบ  เลือก D7000 ปุ่มเมนูควบคุม เข้าถึงสะดวกกว่า ถ้าชอบเทคโนโลยีใหม่ ไม่ใช่มืออาชีพที่ต้องเปลี่ยนการตั้งค่ากล้องบ่อย ๆ  เลือก D5300 ( Hi ISO ,Low Noise, )


 ความสามารถด้านการถ่าย VDO ถือว่าดีทีเดียว เมื่อเทียบกับ D7100

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Nikon D5300


เพิ่มคำอธิบายภาพ

NionD5300review


NionD5300review
ภาพตัวอย่างจากกระทู้รีวิว http://www.mobile01.com/topicdetail.php?f=248&t=3661448&last=47412150




แกะดูข้างใน Harddisk และซ่อม Harddiskมองไม่เห็น

                                 อยากรู้ไหม ข้างใน Harddisk เป็นอย่างไร มาจะแงะให้ดู

จาน Harddisk external



External Harddisk ตัวนี้เก็บรูปถ่ายงานไว้มากมาย
แต่วันหนึ่งมือไว ปัดไปโดนหล่นจากโต๊ะ โอ๊ะหัวใจสลาย
คิดว่า ตายแน่แล้ว แต่ยังโชคดีที่ ได้ท่าไม้ตายมา 

วิธีแก้ Hard disk หล่น แล้วเสียบคอมฯ ใช้ไม่ได้มองไม่เห็น 

แก้ ง่าย ๆ โดยการใช้ผ่าห่อ แล้วทุบกับหมอนหรือที่นอนเบา ๆ ซักที สองที แล้วเสียบกับคอมฯ ดู
ถ้าโชคดีอาจจะสามารถทำงานได้อีกครั้ง  แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่า Hard disk พร้อมจะทิ้งได้ทันที
เพราะโอกาสกู้คืนได้ 50:50  ถ้ามีประกันก็ส่งเคลมจะดีกว่า

ส่วนของผม ไม่มีประกันเลย จับทุบ ๆ  ลองเสียบดูก็ใช้งานได้
 รีบกู้ข้อมูลออกมาจนหมด และใช้ได้อีก วันสองวันก็เจ้งสนิท ทุบยังไงก็ไม่ฟื้น

วันนี้เลยจับแงะซะเลย  ข้างใน Harddisk ก็เป็นยังงี้แหละครับ






เทคนิคถ่ายภาพอาหาร ให้น่ากินชวนหิว

                          ไปร้าน อาหารไหนก็เห็นบ๊อยบ่อย ที่ควักกล้อง หรือมือถือออกมาถ่ายภาพอาหาร ขนม กันคนละแชะ สองแชะ ก่อนจะรับประทาน ซึ่งส่วนใหญ่ก็ถ่ายไว้ยั่วน้ำลายเพื่อนๆ บน Facebook วันนี้เราวิธีการถ่ายภาพอาหารให้ดูน่ารับประทานมาฝากกัน\\
ภาพจาก http://www.pixpros.net/forums/showthread.php?p=498248


1. เลือกร้านอาหาร
แน่ นอนว่าจะถ่ายภาพอาหารทั้งที ก็ต้องไปให้ถึงร้านอาหารหรือแหล่งอาหารนั้น ๆ โดยเฉพาะร้านอาหารร้านโปรด รสชาติถูกปาก ยิ่งหากจัดอาหารหน้าตาน่าทานด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งดีมาก ๆ เลยล่ะ
2. ถ่ายผู้คนและบรรยากาศโดยรอบด้วย
เพื่อ สร้างความน่าสนใจและดึงดูดสายตาผู้ชม นอกจากจะถ่ายแต่ภาพอาหารที่น่าทานแล้วนั้น บรรยากาศของร้านอาหาร ผู้คนต่าง ๆ ที่กำลังรับประทาน หรือหากเห็นเชฟกำลังทำอาหารนั้น ๆ ก็เหมาะที่จะถ่ายภาพเก็บไว้มาประกอบกับภาพอาหารด้วย จะสร้างความน่าสนใจและทำให้เกิดความรู้สึกว่าอาหารนั้น ๆ อร่อยจริง ๆ
3. จัดวางให้สวยงาม
เมื่อ ได้อาหารจานเด็ดที่อยากจะถ่ายภาพแล้ว ก็มาจัดวางให้สวยงามสักนิด เอียงจานไปทางซ้ายบ้าง เขยิบไปทางขวาสักหน่อย ดูแสงและมุมดี ๆ  เพียงเท่านี้ก็พร้อมถ่ายภาพได้ในทันที
4. ดูทิศทางของแสง
เพื่อ ให้ภาพมีความสวยงามและเป็นที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น ก็ควรคำนึงถึงในการวางตำแหน่งของจานอาหารให้แสงตกกระทบแล้วดูสวยงาม ไม่จ้าหรือมืดมากเกินไป นอกจากนั้นก็ปรับโหมดการทำงานของกล้องควบคู่กันไปด้วย …เข้าท่าสุด ๆ
5. ตักอาหารมาสักคำสองคำ
เพิ่ม ความน่ารับประทานและความน่าสนใจของอาหารด้วยการตักอาหารนั้น ๆ มาสักช้อนหนึ่ง แล้วโฟกัสภาพไปที่อาหารที่ตักขึ้นมา ให้ได้เห็นแบบเต็ม ๆ เน้น ๆ แล้วให้ภาพพื้นหลังมีควันร้อนอยู่รายรอบอาหารที่ตัก หรืออาจจะมีแก้วน้ำ ตะเกียบ จาน หรืออื่น ๆ เล็กน้อยเป็นส่วนประกอบของภาพด้วยแล้วล่ะก็.. ขอรับองว่าภาพนั้นจะดูน่าทานเป็นที่สุด
6. อะไรที่ไม่เกี่ยวกับอาหารย้ายออกไป
สิ่ง ของต่าง ๆ อาทิเช่น โทรศัพท์มือถือ หนังสือพิมพ์ หรือใด ๆ ก็ตามแต่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับอาหารที่จะถ่ายก็ขอให้ย้ายออกจากมุมกล้องไปก่อน มิฉะนั้น สิ่งของเหล่านั้นจะกลายเป็นจุดเด่นแทนภาพของอาหารไปโดยปริยาย
7. ลองเปลี่ยนมุมโฟกัสภาพ
ครั้น จะถ่ายภาพอาหารแบบตรง ๆ ดื้อ ๆ ก็จะดูธรรมดาเกินไป ลองเปลี่ยนโฟกัสของภาพในมุมที่ไม่เคยลองดูบ้าง อาทิเช่น เน้นการซูมภาพด้านหน้าของอาหารให้ชัด ส่วนพื้นหลังปล่อยภาพให้เบลอไป ก็สวยงามไปอีกแบบ แต่ก็ระวังอย่าเน้นมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ภาพอาหารนั้นดูแข็งเกินไป อาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่น่าทานเอาได้ หรือจะถ่ายภาพแบบ “Bird Eye View” หรือภาพในมุมสูงดูบ้าง ก็เข้าท่าอยู่ไม่น้อยทีเดียว
8. ใช้แสงให้ถูกเวลาก็สำคัญ
เมื่อ คุณได้อาหารจานเด็ดที่จะถ่ายภาพแล้วก็อย่าเพิ่งใจร้อนรีบถ่ายเป็นอันขาด ตรวจดูกล้องของคุณให้ดีว่าปิดแฟลชของกล้องแล้วหรือยัง เพราะหากคุณไม่ปิดแฟลชซะก่อน ภาพที่ออกมาจะให้แสงที่จ้าแบบผิดปกติ จะทำให้ภาพดูไม่สวยงาม และอาจกลายเป็นภาพที่เสียโดยเปล่าประโยชน์ นอกจากนี้การตั้งค่าความไวแสงของกล้องหรือที่เรียกกันว่า “ISO” ก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากคุณตั้งค่าได้อย่างเหมาะสมแล้วล่ะก็ จะทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาดูดีมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ
9. มือนิ่ง ๆ ด้วย อย่าสั่น ๆ
หาก คุณรู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนมือไม่นิ่ง จับกล้องทีไรเป็นมือไม้สั่นทุกที ก็ให้หาขาตั้งกล้อง หรือหนังสือสักเล่มมาวางกล้องไว้แทนการถือ เพื่อให้ภาพที่ออกมาจะได้ไม่สั้น และออกมานิ่ง คมชัด
10. อย่าจริงจังกับการถ่ายภาพจนเกินไป
จาก ทุกข้อที่ว่ามา หากทำให้คุณเริ่มรู้สึกเครียด หรือดูจริงจังมากเกินไปล่ะก็ ขอให้ทำจิตใจให้สงบ จากนั้นสนุกกับภาพที่ถ่าย ไม่ว่าจะได้ภาพออกมาสวยแค่ไหน ก็เอาแค่นั้น เก็บไว้ดูเป็นผลงานตัวเองเป็นพอ อ้อ.. อย่าลืมทานอาหารนั้น ๆ อย่างมีความสุขด้วยล่ะ แล้วจิตใจคุณจะเบิกบานขึ้นอีกเยอะเลย
ที่มา kapook.com

เพิ่มเติม http://www.pixpros.net/forums/showthread.php?t=18208

พิธีและขั้นตอนการแต่งงานแบบอีสาน



สำหรับตากล้องและช่างภาพควรรู้ไว้ สำหรับ

พิธีและขั้นตอนการแต่งงานแบบอีสาน


 เพื่อใช้ เป็นข้อควรรู้คร่าว ๆ ว่าควรเก็บภาพอะไรบ้างใน การถ่ายภาพพิธีแต่งงาน ซึ่งจำเป็นมากที่ควรจะเก็บภาพขั้นตอนต่าง ๆ ในพิธีมาให้ครบ

การสู่ขอและการหมั้นสาว(การโอมสาว)
1.1  การเตรียมการสู่ขอ
1.2  การสู่ขอ
1.3  ค่าดองและของหมั้นสาว
1.4  นัดวันแต่งงาน

การแต่งงาน
2.1  การแห่ขันหมาก
2.2.1       นับ เงินค่าดอง
2.2.2       เข้า พาขวัญ
2.2.3        ขันใส่หมากพลูแหนบและเหล้ายามี
2.2.4        ลำดับขบวนแห่
2.2.5        การเบิกทางผ่าน ประตูเงินประตูทอง
2.2.6        การล้างและเช็ดเท้า
2.2.7        การโปรยเมล็ดข้าว เมล็ดงา และเมล็ดถั่ว
2.2.8        พิธีสู่ขวัญบ่าวสาว
2.2.9        การสมมาปู่ย่า(การขอขมา)
2.2.10     การส่งเจ้าบ่าว เจ้าสาว เข้าหอ

สรุปลำดับพิธีในการแต่งงานแบบอีสาน

มีการสู่ขอกันตามประเพณี
มีการกำหนดวันแต่งงานตามฤกษ์
ทำบุญเลี้ยงพระ
แห่ขันหมากมาบ้านฝ่ายหญิง
เสียเงินเบิกทางและล้างเท้าฝ่ายชาย(จะทำหรือไม่ก็ได้)
มอบค่าดอง ซึ่งเหมือนกับการมอบตัวของฝ่ายชาย พิธีนี้ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญ จำเป็นต้องทำให้ถูกตามฤกษ์ เพราะเหมือนเป็นการมอบคนและรับคนเพื่อสร้างครอบครัวใหม่ต่อไป
สู่ขวัญและผูกแขนคู่บ่าวสาว
ตรวจไข่และป้อนไข่คู่บ่าวสาว
ฝ่ายหญิงสมมา
ทั้งบ่าวสาวทำการสมมา (ขมา) พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร่วมกัน
พ่อ แม่ทั้งสองฝ่ายให้โอวาท
การส่งคู่บ่าวสาวเข้าหอตอนกลางคืน
จบพิธี

รายละเอียดพิธีและขั้นตอนการแต่งงานแบบอีสาน

การสู่ขอและการหมั้นสาว(การโอมสาว)
การเตรียมการสู่ขอ
            พ่อ แม่ ญาติผู้ใหญ่ หรือ บุคคลที่ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงนับถือ จัดหาและเตรียมของไปสู่ขอกันตามประเพณี ประกอบไปด้วย ขันหมากธรรมดา ในขันนั้นใส่ “หมากจีบ พลูพัน” จำนวน 4 ชุดและเงิน ซึ่งเรียกว่า “เงินไขปาก” 3 บาท
            “หมากจีบ พลูพัน” หมายถึง หมากที่ถูกเตรียมฝานและผ่าวางไว้ พร้อมใบพลูที่พันใส่ปูนเอาไว้ด้านใน

การสู่ขอ
      พ่อ-แม่ ฝ่ายชายสู่ขอฝ่ายหญิง
        หากพ่อ-แม่ฝ่ายหญิงตอบตกลง จะรับขันหมากธรรมดาและเงิน 3 บาท ที่ฝ่ายชายนำมา
        พ่อ-แม่ ฝ่ายหญิงหยิบหมากจากขัน เคี้ยวหมากเอง 2 คำ
      พ่อ-แม่ ฝ่ายชายเคี้ยวหมาก 2 คำ      
ค่าดองและของหมั้นสาว
      ค่าดอง (มาตรค่าดอง คือ การตีราคาลูกสาว) ทั้งสองฝ่ายทำการตกลงกัน
        ของหมั้นสาว ขึ้นอยู่กับที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันและส่งมอบให้ พ่อ-แม่ฝ่ายหญิง

การแต่งงาน
นัดวันแต่งงาน
      ทำการหาวันและเวลาที่เป็นมงคลสำหรับการวางค่าดอง (สินสอด) และเวลามอบตัวฝ่ายชายเข้าบ้านฝ่ายหญิง ซึ่งจะเป็นเวลาที่บ้านฝ่ายหญิงรับมอบเจ้าบ่าวเข้ามาในบ้าน

การแห่ขันหมาก

      ฝ่ายชายแห่ขันหมากไปบ้านฝ่ายหญิง เพื่อมอบตัวเข้าพิธีแต่งงาน ซึ่งขบวนขันหมากจะประกอบไปด้วย
                เงินค่าดอง ญาติฝ่ายชายจะนำขันทองหรือขันเงินใส่เงินค่าดอง
                พาขวัญ  การให้หญิงพรมจารีถือพาโตกอย่างดี มีผ้าคลุมพาโตกมิดชิด
                ขันใส่หมากพลูแหนบและเหล้ายามี  คือ สิ่งของที่อยู่ในพาโตก มีหมาก พลู บุหรี่ แต่งไว้เป็นคำๆ (จัดไว้เป็นชุด)

ลำดับขบวนแห่ 
      คนเถ้า คนแก่ ผู้สูงอายุ ญาติผู้ใหญ่ ถือขันสินสอดนำหน้า
        เจ้าบ่าว
        พาขวัญ
        ขันหมากพลู เหล้ายา
        ญาติพี่น้อง
        ขบวนปี่ กลอง แคน ฟ้อนรำ หรือ ดนตรีอื่นๆ

การเบิกทางผ่าน
      ขบวนแห่ของเจ้าบ่าวต้องเบิกทางผ่านญาติๆของฝ่ายหญิงด้วยเงินทอง หรือ สุรา ตามแต่จะเห็นสมควรโดยญาติของฝ่ายหญิงมักจะเข้ามากั้นตามทางเดินที่เจ้าบ่าวต้องผ่านก่อนจะถึงบันไดบ้าน หรือ ประตูเข้าภายในบ้านเจ้าสาว

การล้างและเช็ดเท้า

      เมื่อถึงบันได หรือ บริเวณหน้าประตูที่จะเข้าบ้านเจ้าสาว น้องสาวหรือญาติของฝ่ายหญิงจะล้างเท้าให้เจ้าบ่าวและคนที่ถือขันเงินค่าดอง โดยจะล้างบนหินลับมีดที่ปูด้วยใบตอง และช่วยเช็ดเท้าให้ เพื่อเป็นการแสดงอัธยาศัยไมตรี ต้อนรับเจ้าบ่าวซึ่งจะมาเป็นว่าที่พี่เขยของผู้ล้างเท้า เป็นการแสดงถึงความเคารพตามประเพณี

การโปรยเมล็ดข้าว เมล็ดงา และเมล็ดถั่ว
        เมื่อได้ฤกษ์ ฝ่ายชายก็จะส่งมอบสินสอดและเจ้าบ่าวให้กับฝ่ายหญิง
        ญาติฝ่ายหญิงจะเปิดนับเงินสินสอด แล้วจึงให้ทุกฝ่ายโปรยเมล็ดข้าวเปลือก ถั่ว และ งา ลงบนเงินทองสินสอด พร้อมกับกล่าวว่า “ขอให้เงินทองนี้งอกขึ้นเหมือนเมล็ดข้าวเปลือก เมล็ดงา และเมล็ดถั่ว นี้เทอญ”         เปิดขันหมากและเหล้าแจกกันกิน เป็นพิธี


พิธีสู่ขวัญบ่าวสาว

      เจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าบ่าวนั่งทางด้านขวา เจ้าสาวและเพื่อนเจ้าสาวนั่งทางด้านซ้าย
 ทำพิธีสู่ขวัญ โดยขณะทำพิธีเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะจับพาขวัญไว้ โดยจับในลักษณะที่แขนของเข้าบ่าวและเจ้าสาวไขว้กัน โดยให้แขนเจ้าบ่าวอยู่ด้านบน
        เอาไข่ขวัญ ใส่มือคู่บ่าวสาวแล้วผูกแขน
        ปอกไข่ขวัญที่อยู่ในมือบ่าวสาว แล้วส่งให้พ่อพราหมณ์ หรือ บัณฑิตผู้ทำพิธี ตัดไข่ขวัญด้วยเส้นผม เพื่อตรวจทำนาย

      พิธีป้อนไข่  ญาติผู้ใหญ่นำไข่ขวัญไปป้อนบ่าวสาว โดยผู้ป้อนซึ่งจะต้องเป็นหญิงที่มีอายุยืน มีศีลธรรม เป็นที่นับถือของลูกหลาน สามีของแม่ใหญ่มีชีวิตอยู่และมีสุขภาพดี โดยการป้อนนั้นจะป้อนโดยที่“มือขวาป้อนไข่อ้าย มือซ้ายป้อนไข่นาง” จากนั้นบ่าวสาวจึงป้อนไข่ขวัญนี้ให้แก่กัน

   
การสมมาปู่ย่า(การขอขมา)

      การขอขมาญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายชายและฝ่ายหญิงตามธรรมเนียมเดินอีสาน
        การสมมาญาติฝ่ายชาย
      ผ้าโสร่ง 1 ผืน เสื้อผู้ชาย 1 ตัว
        การสมมาญาติฝ่ายหญิง
        ผ้าซิ่น1 ผืน เสื้อผู้หญิง 1 ตัว
        โดยขณะสมมา บ่าวสาวจะได้รับโอวาทจากพ่อ-แม่ของทั้งสองฝ่าย


   
การส่งเจ้าบ่าว เจ้าสาว เข้าหอ

 ญาติผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นหญิงที่มีสามีอยู่ มีสุขภาพดี มีศีลธรรม จูงมือบ่าวสาวเข้าสู่ที่นอนในเรือนหอ
จะทำในเวลาประมาณสามถึงสี่ทุ่ม หรือ ปัจจุบันอาจปรับมาทำในช่วงหลังจากการสมมา
  เสร็จพิธี อาจมีการจัดเลี้ยงเพิ่มเติมในช่วงเย็น

ที่มาhttp://www.gotoknow.org

เทคนิคการถ่ายภาพงานแต่ง แบบพื้นบ้าน

                  การแต่งงานในชนบทบ้านเรา  ส่วนมากสถานที่จัดงานก็จะเป็นบ้านของเจ้าสาว ซึ่งส่วนใหญ่สภาพแสงค่อนข้างจะน้อย และพื้นที่จัดงานค่อนข้างจะแคบ การจะหามุมถ่ายภาพนั้นค่อนข้างจะลำบาก ผมเองก็ได้รับไว้วานให้เป็นตากล้องจำเป็นอยู่บ่อยครั้ง ปัญหาที่พบส่วนใหญ่คือ ถ่ายยังไงก็ติดหัว ติดหลัง ติดกำแพง จะได้ภาพเจ้าบ่าวเจ้าสาวสวย ๆ นั้นช่างยากเย็น   เราในฐานะช่างภาพจำเป็น ควรจะคุยกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวก่อน เพื่อขอพื้นที่ ว่าง ๆ ไว้ให้เราถ่ายภาพซักหน่อย ถามให้เรียบร้อยว่าต้องการเน้นใครเป็นพิเศษไหม พ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวคือใคร  และควรไปถึงงานก่อนงานเริ่ม เพื่อ ลองเทสกล้องและอุปกรณ์ให้พร้อม ไฟ แฟรช กล้อง เลนส์  แบตเตอรี่ พร้อมไหม ลองถ่ายและปรับค่ากล้องไว้คร่าว ๆ  และ คุยกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว เรื่องสถานที่ หันหน้าทิศไหน นั่งตำแหน่งไหน และอาจแนะนำ เจ้าบ่าวเจ้าสาว คร่าว ๆ เรื่องมุมกล้อง ตำแหน่งนั่ง อาจจะหารูปงานแต่งงานของคนอื่น ๆ ให้ เจ้าบ่าวเจ้าสาวดูคร่าว ๆ เพื่อเป็นไอเดีย

ภาพประกอบจาก weddingsquare.com

ตัวอย่างคำถามและคำตอบสำหรับตากล้องจำเป็น แบบผม คือ มีกล้อง DSLR ตัวเล็ก ๆ และเลนส์คิดส์

คำถาม: สอบถามผู้รู้ครับ พอดีเดือนหน้าจะเป็นตากล้องจำเป็นงานแต่งเพื่อนอ่ะคับ
เลยสอบถามผู้รู้ว่าผมควรซื้ออุปกรณืไรเพิ่มเติมบ้าง
ตอนนี้ใช้ EOS 1000D+Kid กะ 50 mm f1.8 เท่านี้คับ
เลยสอบถามว่าต้องมีไรเพิ่มเติมอีกบ้างขอบคุงคับ

คำตอบ: เอาแบบบ้านๆ เลยนะ สำหรับมือใหม่ไม่โปร

1.ออกตัวกับเพื่อนก่อนว่าอย่าคาดหวังกับภาพมาก เพราะไม่มีประสบการณ์
ถ้าเพื่อนไม่พอใจภาพจะเสียเพื่อน

2.ภาพพีธีการใช้เลนส์คิทนั่นแหละไม่ต้องหาเลนส์อะไรเพิ่มแล้ว

3.Flash แฟลชนอกหามาใช้โดยด่วน ไม่มีงานพิธีที่ไหนมีแสงพอ

     Flash ต้องมี Diffuser หรือตัวช่วยกระจายแสง พยายามอย่ายิงแฟรชตรง ๆ  หากยิแสงงแฟรชตรงไปยังเป้าหมาย แสงอาจแข็งและแบนไป จากการใช้แฟลช หรือใช้วิธีเงยแฟลชเฉียงขึ้น 45 องศา ให้แฟลชสะท้อนเพดานก็ได้ แต่ เพดานต้องไม่สูงจนเกินไป หรือจะสะท้อนกำแพงด้านข้างก็ได้  (นี่คือ 1 เหตุผลที่เราจะไปให้ถึงงานก่อน เพราะต้องเทสแสงแฟรช หากสภาพแสงที่งานไม่พอ)



4.ไม่ต้องไปคิดหามุมอาร์ตๆ สวิงสวายอะไรมาก เก็บบรรยากาศให้ครบถ้วน
จังหวะสำคัญอย่าให้พลาด หัว แขน ขา อย่าให้ขาดเป็นใช้ได้

5.ถ่ายในอาคาร ถ้าเพดานเป็นสีขาวหรือสีอ่อน ตั้ง S/60 f/5.6 ISO400
แฟลชตั้งแมนวลเบาซ์กับเพดาน งัดเบาซ์การ์ดเปิดเงาที่แบบหน่อย
ปรับตั้งกำลังไฟไม่ให้เกินแรงแฟลชมากแต่อย่าให้ภาพอันเดอร์

6.ถ่ายนอกอาคาร ปรับแฟลชให้ใช้ E-TTL ยิงตรง คอยดูว่าค่าสปีดเกิน X-Sync รึเปล่า
แฟลชนอกถูกๆ ไม่มี Hi-speed Sync วีธีแก้ ตั้งโหมด TV ไว้ที่ 1/200
หรือ 1/250 แล้วแต่กล้อง ถ้าวัดแสงแล้วเกิน X-Sync หมุนมาที่โหมด TV
แล้วก็ยิงแฟลชไปเรื่อยๆ

7.จังหวะไหนในพิธีกินเวลาเนิ่นนาน เปลี่ยนเลนส์ เอา 50 f/1.8
มาเก็บฟิลลิ่งของบ่าว-สาวให้หวานๆ

8.พ่อแม่ ญาติพี่น้องคนสำคัญของบ่าวสาว เก็บให้ครบถ้วน ถ้าไม่รู้จัก
ไปถามบ่าว-สาวให้รู้จักไว้

9.องค์ประกอบภาพ ไม่ต้องเทพมาก ถ่ายหลวมๆ เข้าไว้ แล้วค่อยมาครอปเอาที่หลัง
จำไว้เสมอ "หลวมครอปได้ คับไปกรูจะทำไงหว่า"

10.หมั่นสังเกตุเสี้ยนตาในเฟรม อย่าให้มีอะไรรกหูรกตาในเฟรม
ถ้าเห็นรีบเอาออกด้วยความสุภาพ  ใครไม่ควรอยู่ในเฟรม หรือบังมุมบอกเขาด้วยความสุภาพ ขอเก็บภาพมุมนี้หน่อยครับ

11.จังหวะสำคัญ ถ่ายไม่ทัน อย่าอาย ตะโกนไปเลย ช้าๆ ครับ ช้าๆ ครับ
อย่าอายที่ขอเทค 2 เทค 3 เพื่อให้ได้ภาพสวย ๆ ให้เจ้าบ่าวเจ้าสวว แต่ต้องสุภาพ ไม่งั้นอาจโดนเขม่นได้

12.อยู่ติดกับบ่าว-สาวตลอดเวลาเพราะเป็นวันของเขา
ถ้ามีเวลาเหลือเก็บบรรยากาศและรายละเอียดต่างๆ ของงานให้มากที่สุด

13.แบตกล้อง เมมโมรี่ แบตแฟลช มีเผื่อเหลือไว้เป็นดี ถ้าขาด วุ่นวายแน่นอน

14.ถ้ายังไม่ชัวร์ในการอ่านค่าแสง การวัดแสงและการเลือกโหมดวัดแสงรวมถึงการชดเชยแสง
ถ่ายเป็น RAW ไว้ จะช่วยชีวิตและรักษาหน้าไว้ได้อย่างแน่นอน

15.ไม่ต้องตื่นเต้น     แหงะหน้าออกมาจากวิวไฟน์เดอร์บ้าง
หมั่นดูรอบๆ ตัว ว่าบรรยากาศในงานมีอะไรน่าสนใจ
อาจจะแคนดิต เพื่อน พี่น้อง ญาติผู้หลักผู้ใหญ่บ้าง
ถ่าย Shot  Close-up เก็บมาบ้าง เช่นแหวนแต่งงานในมือเจ้าสาว สมุดแสดงความยินดี เค้กแต่งงาน และรายละเอียด เล็ก ๆ น้อย อื่น ๆ ฯลฯ จะดูโปรมากยิ่งขึ้น

16.การถ่ายภาพหมู่เช็ครูรับแสงให้ดี อย่าเปิดกว้างนัก เพราะเราต้องการชัดทุกคน ควรตั้ง F/11 เพื่อเก็บรายละเอียดให้ครบ หรือจะเล่น Background ให้ดีใช้ F/8 หรือ F/5.6  การถ่ายภาพหมู่อาจให้หันไปในทางเดียวกันแทนการยืนแบบเรียงหน้ากระดาน อาจจะลองมุมก้ม มุมเงย ดู เพื่อให้ได้ภาพที่มีชีวิตชีวา

สุดท้าย ถ่ายไม่สวยที่สุด ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่การที่ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่ง
ของช่วงเวลาพิเศษร่วมกับเพื่อน และเราเป็นผู้บันทึกภาพประทับใจนั้นไว้
จะเป็นความภาคภูมิใจ และเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับการบันทึกความทรงจำ


เครดิต คุณสู้สู้...
จาก http://www.ตาklong.com/marketplace/show-marketplace.php?No=50887

Adobe เปิดตัว Photoshop เวอร์ชั่นใหม่ Photoshop CC (Creative Cloud)

หลังจากที่ ปล่อย Lightroom  5  ออกมาให้ดาวน์โหลดไม่นาน Adobe ก้เปิดตัว Photoshop เวอร์ชั่นใหม่
ในนามAdobe Photoshop CC (Creative Cloud)  โดยได้เปิดตัวในงานประชุม Adob​​e MAX ที่ Los Angeles 

โดย  Adob​​e ได้ประกาศคุณสมบัติใหม่ที่น่าสนใจ ของ Photoshop CC (Creative Cloud) ที่น่าสนใจออกมาหลายตัว เช่น

Camera Shake Reduction

photoshop-cc
Camera Shake Reduction
- การลดภาพสั่นไหว (Camera Shake Reduction) ซึ่งเป็นฟังชั่นใหม่ที่"ฉไลมาก ๆ

Camera raw Spot Removal used as a brush to retouch photo

- ปรับปรุงการปรับแต่งไฟล์ RAW (Camera RAW Retouching Improvements)

นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ ที่มีประโยชน์มากมาย อาทิ การตั้งค่าการซิงค์

Photoshop CC จะปล่อยดาวน์โหลดวันที่ 17 มิถุนายนที่จะถึงนี้ เตรียมตัวโหลดมาใช้งานได้เลย


via : :tutsplus.com

ฟรี Ebook เรื่องราวเทคนิค การถ่ายภาพ




ฟรี Ebook eep รวบรวม เรื่องราวเทคนิค การถ่ายภาพ และข่าวคราวในแวดวงการถ่ายภาพ คุณสมบัติรีวิว กล้อง เลนส์ และอุปกรณ์การถ่ายภาพรุ่นใหม่ ๆ ที่ eep เป็นตัวแทนจำหน่าย เช่น กล้อง Ricoh Petax เลนส์ Tamlon และเทคนิคการถ่ายภาพต่าง ๆ เช่น
การถ่ายภาพมาโคร
การถ่ายภาพผีเสื้อ
การถ่ายภาพดอกไม้
การถ่ายภาพบุคคล
การถ่ายภาพทิวทัศน์
การถ่ายภาพในที่แสงน้อย
การถ่ายภาพเทคนิคพิเศษอื่น ๆ

ดาวน์โหลดฟรี ที่
http://www.eep.co.th/eeptimeall.html